เล่นตะกร้อ หายจาก อัมพฤกษ์ (ตอนที่ 1) เล่นตะกร้อ หายจาก อัมพฤกษ์ (ตอนที่ 1) วัฒนา วิเศษชาญเวทย์ มีทุกสรรพปัจจัยซึ่งชายวัยห้าสิบผู้ประสบความสำเร็จคนหนึ่งจะพึงปรารถนา เป็นเจ้าของธุรกิจร้านเพชร กินดีอยู่ดี มีครอบครัวอบอุ่น แม้จะมีเบาหวานและความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว แต่เขาก็ออกกำลังกายชดเชยด้วยการร่วมวงเล่นตะกร้อกับเพื่อนๆ ถือว่ารักษาสุขภาพได้ดีสมวัย วัฒนาสุขกับชีวิตมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อ 8 ปีก่อนในหน้าร้อน อากาศแสนอบอ้าววันหนึ่งชวนให้เหนื่อยเพลีย เขารู้สึกอ่อนแรงเป็นพิเศษ ทำไมร่างกายไม่ทำตามคำสั่งของสมองตามปกติ? -- วัฒนาสงสัยเป็นที่สุด ไม่นานวัฒนาก็ได้รู้ว่าทำไม... แต่เขาไม่ได้โชคดีที่รู้! โดยเฉพาะการได้รู้จักอย่างแท้จริงว่าอัมพฤกษ์คืออะไร อัมพฤกษ์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของวัฒนา เขาต้องอยู่ร่วมกับมันอย่างจำยอม วันนี้ วัฒนายินดีเล่าประสบการณ์ผจญภัยโรคอัมพฤกษ์แก่ทุกคน โชคร้ายหรือโชคดี? ก่อนห้าโมงเย็นเล็กน้อยของแทบทุกวัน ผู้ใช้สวนรมณีนาถประจำจะคุ้นเคยกับภาพชายร่างเล็กในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อกีฬาเดินผ่านประตูสวนเข้ามา เป้แบกกลางหลังทำให้เขาดูทะมัดทะแมงกว่าคนวัยใกล้เกษียณโดยทั่วไป จุดหมายของวัฒนาคือบริเวณพิพิธภัณฑ์ทัณฑสถาน (เรือนจำกลางเดิม) ติดกับสวน ที่ซึ่งเขาและเพื่อนๆ จะล้อมวงเล่นตะกร้ออย่างเบิกบานสำราญใจ กระทั่งแสงอาทิตย์หรุบหรู่มองลูกตะกร้อไม่เห็นนั่นละถึงจะเลิกรากัน วัฒนามีกิจวัตรยามเย็นเช่นนี้นับเนื่องมาหลายปีแล้ว ถ้าไม่รู้มาก่อน ใครๆ หรือแม้แต่เพื่อนร่วมวงตะกร้อบางคนก็ดูไม่ออกว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน... การเตะตะกร้อเพียงให้โดนลูกเป็นความฝันที่วัฒนาเคยคิดว่าห่างไกลความเป็นจริงเสียเหลือเกิน มันเตะไม่ได้ คำนวณลูกไม่ถูก ไม่มีแรงจะเตะ วัฒนาเล่าถึงความหลังครั้งลองกลับมาเล่นตะกร้อใหม่ในฐานะผู้ป่วยอัมพฤกษ์ แค่ใส่รองเท้าใส่ถุงเท้ายังเหนื่อยเลย ว้าวุ่นสักเพียงใด แต่วัฒนายังครองสติได้ดี เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรจะเลวร้ายเท่า 1-2 สัปดาห์แรกที่ต้องนอนซมบนเตียงโรงพยาบาลเพราะถูกอัมพฤกษ์โจมตีอีกแล้ว ตอนนั้นเขาเดินไม่ได้เลย ที่จริงแม้แต่การขยับแข้งขายังลำบากแสนเข็ญ ช่างชวนให้หวั่นเกรงว่าเขาจะเดินได้ตามปกติหรือไม่ในวันข้างหน้า... หากวันนั้นเขาไปโรงพยาบาลช้าไปสักเสี้ยวนาที บางทีหมออาจไม่สามารถทำให้หลอดเลือดในสมองของเขาคลายตัวได้ทันเวลาก็เป็นได้ มหันตภัยใกล้ตัว อัมพฤกษ์ เป็นอาการที่เกิดจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง หลอดเลือดในสมองตีบ ตัน หรือแตก ส่งผลให้เนื้อสมอง ซึ่งทนต่อภาวการณ์ขาดเลือดได้น้อย เกิดพยาธิสภาพขึ้น ความรุนแรงขึ้นอยู่กับตำแหน่งหลอดเลือดในสมองและขนาดของพยาธิสภาพ ถ้าเป็นน้อยอาจรื้อฟื้นสภาพได้บ้าง แต่หากเป็นมากอาจเป็นอัมพาตหรือพิการถาวร หรือเสียชีวิต โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่พบบ่อยเป็นอันดับสาม รองจากโรคหัวใจและมะเร็ง เมื่อเร็วๆ นี้ (สิงหาคม 2547) กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า คนไทย 12 คนล้านคนมีความเสี่ยงเป็นพิการจากหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบตัน หรือที่รู้จักทั่วไปว่าอัมพฤกษ์หรืออัมพาต โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองวันละ 126 คน หรือชั่วโมงละ 5 คน ทั้งนี้ที่เหลือ 80% จะมีความพิการ แต่ละปีมีคนไทยที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต 150,000 คน แต่ละรายใช้เวลาพักฟื้นนานมากและเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาทต่อปี สาเหตุของการโรคหลอดเลือดสมองเกี่ยวเนื่องกับอีกหลายโรค โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และเบาหวาน มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป 2-17 เท่า ซึ่งเป็นกรณีของวัฒนา วัฒนามีความรู้ว่าการเล่นกีฬาจะทำให้โรคประจำของเขาทุเลาความร้ายแรงลง แต่เขาทึกทักไปเองด้วยว่าเมื่อออกกำลังกายแล้วก็ควรลดยาลงบ้าง คิดแล้วเขาจึงทิ้งยาสำหรับความดันโลหิตสูงไปนาน ซึ่งในที่สุดหมอสันนิษฐานว่าการทิ้งยานี้ไปโดยไม่ตรวจสภาพร่างกายและไม่ปรึกษาหมอนี้น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการหลอดเลือดสมองตีบของเขา รางวัลที่ไม่ยุ่งเหล้า-ยา แม้จะบอกว่าโชคดีที่ไปโรงพยาบาลทันท่วงทีทำให้หมอสามารถทำให้หลอดเลือดสมองที่ตีบคลายตัวก่อนจะสายเกินไป แต่เราต้องรู้สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือ วัฒนาไม่กินเหล้า-ไม่สูบบุหรี่ รางวัลที่ได้รับยามวิกฤติจึงได้แก่การที่ร่างกายของเขาฟื้นคืนได้รวดเร็วกว่ากรณีผู้ดื่มเหล้า-สูบบุหรี่เป็นประจำ หลอดเลือดที่ตีบของเราจะคลายตัวได้เร็วกว่า วัฒนาถ่ายทอดคำพูดหมอ ข้อมูลทางการแพทย์บ่งชี้ว่าว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เลือดแข็งตัวง่าย และหัวใจเต้นผิดจังหวะ บุหรี่ก็ทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอแข็งตัวได้ง่าย ผู้ติดบุหรี่จึงเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตมากกว่าคนทั่วไป 1-2 เท่า ข้อมูลที่ว่าบุหรี่และสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเป็นอัมพฤกษ์นี้วัฒนาบอกว่าคนทั่วไปไม่ได้รับรู้กันมากนัก ตั้งไข่ (ใหม่) เมื่อวัยห้าสิบ พอเริ่มขยับได้วัฒนาต้องฝึกฝนกายภาพบำบัดทั้งเช้า-เย็น ภาษาชาวบ้านก็คือหัดเดินใหม่นั่นเอง ถึงจะยากเย็นปานใดเขาก็ต้องแข็งใจทำเช่นเดียวกับผู้ป่วยอัมพฤกษ์ทุกคน ไม่เช่นนั้นโอกาสในการรื้อฟื้นของร่างกายก็จะมีน้อย บางครั้งบางคราวเขาต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน เดือนแล้วเดือนเล่าผ่านไปด้วยความหวังและการรอคอย ท่ามกลางความอดทนและทรมาน วัฒนาเริ่มก้าวเดินได้บ้าง แต่ละก้าวช่างเชื่องช้า เหนื่อยหนัก หากเขายังมีกำลังใจเสมอ ช่วงพักฟื้นที่แสนจะหดหู่นี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ออกไปพบปะเพื่อนฝูง เขามักจะนั่งสามล้อออกไปหาเพื่อนๆ ในวงตะกร้อ เฝ้าดูผู้อื่นละเล่นกีฬาโปรดของตัวเอง คาดหวังแต่เพียงการได้มีโอกาสได้ปรับสารทุกข์สุกดิบกับเพื่อนฝูง หรืออย่างดีก็ฝันเพียงการกลับมาเดินได้อย่างมั่นคงขึ้นไม่ง่อนแง่นนักอย่างที่เป็นอยู่
หลังจากความทรมานแล้วคุณวัฒนาจัดการอย่างไรกับชีวิตของตัวเอง อะไรคือแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นเตะตะกร้อ ติดตามตอนที่
|